Wednesday, June 22, 2016


หลังจากที่ในช่วงหลังหลายๆ ค่ายเริ่มที่จะพัฒนารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่เป็นพลังงานทางเลือกเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ครั้งนี้จะพาเพื่อนๆ ไปชมเจ้ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นอีกคันที่ถือว่าทางค่าย Yamaha ต้องการที่จะสรรค์สร้างมันขึ้นมาเป็นมอเตอร์ไซค์สำหรับอนาคต ถ้ามองย้อนกลับไปสำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคันนี้เป็นมอเตอร์ไซค์ต้นแบบที่พัฒนามาตั้งแต่ปี 2013 และให้ชื่อมันว่า PES 1 แต่ครั้งนี้เอากลับมาอีกครั้งหนึ่งใช้ชื่อว่า PES 2 ซึ่งตัวนี้เป็นการต่อยอดและพัฒนามาจากรุ่นที่แล้ว


ดูเหมือนว่าเจ้า PES2 ก็พัฒนาเรียกว่า ณ ตอนนี้ก็กำลังจะเข้าสู่ไลน์ Production กันแล้วด้วย เรียกได้ว่า ทางค่ายต้นสังกัดอย่างยามาฮ่าทางญี่ปุ่น คงจะวางแผนรุกตลาดอย่างเต็มที่ทั้งมอเตอร์ไซค์แบบปกติและมอเตอร์ไซค์แห่งอนาคตกันเลยทีเดียว




สำหรับเจ้ามอเตอร์ไซค์พลังงานทางเลือกคันนี้ได้เลือกใช้ระบบการขับเคลื่อนจากแบตเตอรี่ นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นตรงเจ้ามอเตอร์ไซค์คันนี้สามารถถอดเปลี่ยนได้ เคลื่อนย้ายได้อย่างง่ายดาย และที่สำคัญในรุ่นใหม่ Gen2 ยังได้เพิ่มมอเตอร์ขับเคลื่อนเข้าไปที่ล้อหน้า เรียกว่าแค่ดีไซน์กับพละกำลังก็เหลือๆ แล้ว เรียกว่าทางค่ายคอนเฟริ์มเลยว่า ถ้าคุณได้สัมผัสมัน คุณจะไม่คิดมาก่อนเลยว่า มอเตอร์ไซค์คันนี้คือมอเตอร์ไซค์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่



เรามาดูกันที่ดีไซน์ของเจ้า PES2 คันนี้กันบ้าง รูปลักษณ์ของมันตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแม้จะเป็นเพียงภาพเรนเดอร์หรือมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าต้นแบบเท่านั้น แต่มันก็สวยงามเท่ห์ล้ำสมัย ล้ำยุคไม่เบาเลยทีเดียว เริ่มจากสีสันของมันออกไปทางมอเตอร์ไซค์แห่งโลกอนาคตนิดๆ สีเงินดูหรูหรา แอบได้ดีไซน์ของตัวมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์มานิดๆ เส้นสายลวดลายกราฟฟิคไม่เบา ตัวถังออกแบบมาพร้อมซิ่ง จากตัวถังน้ำมันลาดยาวมาถึงตำแหน่งของผู้ขับขี่ สำหรับเจ้าคันนี้มาเป็นแบบตำแหน่งคนขับเพียงอย่างเดียว แต่ก็อย่างที่รู้ว่า นี่เป็นเพียงมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าพลังงานแรงสูงที่เป็นต้นแบบอย่เท่านั้น



งานนี้ทางของค่ายคู่แข่งเอง ก็คงจะต้องซุ่มพัฒนารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทางฝั่งของตัวเองบ้าง เพราะเรียกว่าเห็นค่ายสามแฉกนี้ไม่ค่อยปล่อยรถแนวนี้ออกมาซักเท่าไร แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีการซุ่มพัฒนามอเตอร์ไซค์ทางเลือกไว้เตรียมรอแต่อย่างใด แค่ Gen2 ยังดุ ยังร้ายขนาดนี้ขึ้นไลน์การผลิตจริงในอนาคตไบค์เกอร์อย่างเราๆ ก็ต้องเตรียมเงินในกระเป๋าไว้รอกันเลยทีเดียว



ขอขอบคุณภาพประกอบ : insideevs.com, autoblog.com

Tuesday, June 14, 2016


ก็ใกล้เข้าไปทุกขณะแล้วนะครับ สำหรับงานเปิดตัวเจ้า new Honda CBR250RR รถแนวสปอร์ตที่มีความใกล้เคียงกับเวอร์ชั่นสนามแข่งของทางฮอนด้า หลังจากที่ก่อนหน้านี้ในเจนปัจจุบัน ทางค่ายจะเน้นแต่จำพวกรถสปอร์ต-ทัวร์ริ่งเสียเป็นส่วนใหญ่ (พวกตระกูล R ทั้งหลาย) แต่กับคราวนี้เชื่อว่าจะต้องการมาแย่งกลุ่มตลาดจาก Ninja 300 และ R3 แบบเปิดเผยเต็มตัว และวันนี้เรามีความคืบหน้ามาฝากกันตามในข่าวด้านล่างเลยครับ

โดยกำหนดการเปิดตัวของเจ้า new Honda CBR250RR นี้จะเปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก ในงาน Tokyo Motor Show 2015 ที่โอไดบะประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม 2015 ถึง 8 พฤษจิกายน 2015 นี้ โดยภาพล่าสุดที่เราได้เห็นอย่างเป็นทงาการจากฮอนด้าก็คือภาพนี้


ซึ่งเป็นภาพที่ทางฮอนด้าเรียกว่า Super light sport concept ที่ทางสื่อหลายๆ สำนักได้คาดการณ์ว่ามันจะเป็นต้นแบบของเจ้า CBR250RR นั่นเอง ซึ่งพอทำการ render ออกมาแล้วเราก็จะได้เห็นหน้าตากันคร่าวๆ อย่างภาพอื่นๆ ที่เราลงประกอบในบทความนี้ โดยเป็นฝีมือในการ render จาก motoblast.org



ทีนี้เราก็มาดูความเคลื่อนไหวล่าสุดกันบ้าง อย่างที่หลายๆ คนอาจจะทราบกันดีแล้วว่าทางค่ายฮอนด้าเองได้ส่งรายชื่อในรุ่นนี้ทั้งหมด 2 ชื่อก็คือ CBR250RR และ CBR350RR เพื่อจะเข้าร่วมแสดงรถในงาน Tokyo Motor Show ที่จะมาถึงนี้ และตอนนี้ก็มีข่าวเพิ่มเติมมาว่า ทางฮอนด้าเองจะแบ่งรถรุ่นนี้ออกเป็น 2 คลาสเพื่อทำตลาดที่แต่ละกลุ่มประเทศนั่นเอง โดยเจ้า 250RR นั้นจะวางจำหน่ายกันในบางประเทศที่มีข้อจำกัดในด้านกฏหมายของจำนวน cc รถ กับใบขับขี่บางประเภท และจะวางจำหน่ายรุ่น 350RR ในบางประเทศที่ไม่มีข้อจำกัดตรงนี้ (เช่นประเทศไทย) นั่นก็คือถ้าจะมีการวางขายเจ้า CBR ตัวใหม่นี้กันในบ้านเราจริงๆ ก็จะเป็นเวอร์ชั่น 350RR

ซึ่งสเปคแบบคร่าวๆ ของเจ้า CBR350RR นั้นก็คือจะเป็นเครื่องยนต์คลาส 350 จำนวน 2 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ ด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกเดี่ยว ทำงานด้วยระบบ ABS และระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบโช๊คอัพหัวกลับ (Upside Down) และไฟหน้าจะเป็นแบบ LED 2 ดวงแยก หลบอยู่ใต้หน้ากาก สวิงอาร์มเป็นแบบ Banana Swing Arm ตัวแชสซีเป็นแบบ twin spar ระบบเบรกเป็นแบบ Radial Mount และจะให้แรงม้ามามากกว่า 40 ตัวด้วย


ตรงนี้ก็ต้องรอลุ้นแผนการตลาดของฮอนด้ากันต่อไปว่าในประเทศไทยว่าจะเอายังไงกับรุ่นนี้ เพราะแน่นอนว่าเบื้องต้นนั้น เจ้า new Honda CBR250RR จะวางจำหน่ายกันในประเทศญี่ปุ่นกันก่อน และอีกไม่กี่วันกันแล้ว ทั่วโลกก็จะได้เห็นหน้าตาที่แท้จริงของมัน รวมไปถึงเรื่องของราคาด้วย โดยคาดการณ์ไว้ว่า ราคามันน่าจะอยู่ที่ประมาณ 180,000 – 190,000 บาท

ขอบคุณภาพจาก honda motoblast.org

Saturday, June 11, 2016


ถือว่าใกล้จะเป็นเวลาที่หลายๆ สื่อคาดการณ์กันไว้แล้วว่าโกบอลโมเดลอย่าง Honda CBR250RR นั้นจะมีการขยับครั้งสำคัญ และทุกสายตากำลังจับตามองไปยังงาน “จาการ์ตาร์ แฟร์” ที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ว่าเราเองอาจจะมีโอกาสได้เห็นเจ้าโมเดลนี้แบบตัวเป็นๆ สำหรับการวางขายกัน ซึ่งก่อนจะถึงเวลานั้นเรามีข้อมูลอีกอย่างที่น่าสนใจมาฝากกันนั่นก็คือในเรื่องของการประมาณราคาของมันนั่นเอง


โดยเป็นการอ้างอิงจากสื่อที่เชื่อถือได้จากทางประเทศอินโดนีเซียซึ่งจะเป็นผู้ผลิตหลักของโมเดลนี้กันอย่าง motorplus-online.com ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเราก็ได้เคยเสนอบทสัมภาษณ์ของทางผู้บริหารค่ายฮอนด้าที่อินโดนีเซียหรือว่า AHM ได้ให้คำตอบที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องราคาว่า “ใช่, ผมคิดว่าเรื่องราคานั้นเป็นคำถามใหญ่สำหรับหลายๆ คนที่กำลังจับตามองโมเดลใหม่ของเราคันนี้อยู่ เราขอบอกตรงนี้เลยว่าราคาของ CBR250RR นั้นจะเซอร์ไพร์สเหล่าไบค์เกอร์ทั้งหลายอย่างแน่นอน แม้ว่าโมเดลของเราเองนั้นจะมีฟีเจอร์และออพชั่นต่างๆ ที่ติดรถมาอย่างมากมาย แต่เราเองนั้นก็ยังอยู่ในโลกของการแข่งขันที่สูงมากๆ ในปัจจุบันนี้ ดังนั้นแล้วในเรื่องของราคานั้นผู้คนจะรู้สึกว่ามันถูกมากๆ เมื่อเทียบกับสิ่งที่เราให้มา และรถคันอื่นๆ คลาสเดียวกันนี้ในท้องตลาด ขอย้ำอีกครั้งว่างานนี้มีเซอร์ไพร์สแน่นอน”

ภาพหลุดที่ว่ากันว่าเป็นทีเซอร์ของโมเดลนี้

และล่าสุดอย่างที่ได้แจ้งไปว่าทาง motorplus-online.com ได้ย้ำว่าทางพวกเค้าได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ว่าราคาจริงๆ เมื่อจะวางจำหน่ายกันในท้องตลาดของ Honda CBR250RR นี้จะอยู่ที่ 70 ล้านรูปเปีย (Rupiah 70 millions) และเมื่อแปลงค่าเป็นเงินไทยจะอยู่ที่ประมาณ 185,850 บาท ซึ่งแพงกว่าคู่แข่งอย่าง YZF-R25 และ Ninja 250R ไปประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท (ที่อินโดนีเซีย จะไม่ขายตัว 300 เนื่องจากข้อจำกัดด้านใบขับขี่) แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับมาอย่าง สวิงอาร์มแบบบานาน่าอลูมิเนียม, LED, โช๊คอัพหน้าแบบ USD (หัวกลับ), หน้าจอแสดงผลแบบ fully digital, โหมดในการขับขี่ที่สามารถเลือกได้ ฯลฯ



จับตาดูในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ให้ดี ไม่แน่ว่าอาจจะมีเซอร์ไพร์สกันในงาน จาการ์ตาร์ แฟร์ หากว่าสิ่งที่หลายๆ สื่อทางเมืองนอกคาดการณ์กันนั้นเป็นความจริง และอาจจะมีการประกาศราคากันอย่างเป็นทางการในงานด้วย

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก motorplus-online.com
ขอบคุณ http://www.greatbiker.com




บริษัทรถมอเตอร์ไซค์ชื่อดังจากประเทศอินเดียอย่าง Bajaj Auto Limited ได้ทำการเปิดเผยข้อมูลสีทั้ง 5 ของโมเดลล่าสุดจากทางค่ายอย่าง Pulsar CS400 ที่เป็นรถในแนวเนกเกตไบค์ ซึ่งเหมาะสมสำหรับการเดินทางออกทริปในตัวด้วย ประกอบไปด้วยสี ดำ, น้ำเงิน, ขาว, เหลือง และ แดง โดยเจ้า Bajaj Pulsar CS400 นั้นเป็นรถที่ผสมผสานกันระหว่างแนวเนกเกตและครูเซอร์ได้อย่างลงตัว (แนวๆ เดียวกันกับ Ducati Diavel) ด้วยเครื่องยนต์ที่หยิบยกมาจาก KTM Duke 390 ขนาด 373.2cc แบบ 1 สูบที่เน้นแรงต้นแบบจัดจ้านไว้ก่อน, ตัวรถเป็นแบบ 4 จังหวะระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ และให้แรงม้าอยู่ที่ 43 Bhp ที่ 9,000 รอบเท่านั้น และทอร์คอยู่ที่ 35 Nm ที่ 7,000 รอบ ดูจากสเปคตรงนี้แล้ว โมเดลนี้มันถูกเซ็ทมาให้รถนั้นมีพละกำลังแบบจัดจ้านในช่วงต้นถึงกลาง ก่อนที่จะแผ่วไปในความเร็วปลาย (ซึ่งก็ไม่แปลกแต่อย่างใดกับรถในแนวนี้) ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ 6 สปีด






ในส่วนประกอบอื่นๆ นั้นก็ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าที่เน้นความสว่างเป็นพิเศษ ในดีไซน์แบบล้ำๆ, แฮนด์บาร์นั้นเป็นถูกออกแบบให้มีมิติค่อนข้างกระชับ ทำให้เราคอนโทรลได้ง่าย และท่านั่งในการขับขี่นั้นจะให้ความสะดวกสบายมากกว่ารถแนวเนกเกตทั่วๆ ไป หน้าจอแสดงผลนั้นเป็นแบบฟูลดิจิตอล LCD เต็มรูปแบบ สำหรับในส่นวชของระบบเบรกนั้น เจ้า CS400 คันนี้ใช้ดิสก์หน้าขนาด 300mm ส่วนดิสก์หลังขนาด 230mm ซึ่งทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง สำหรับโช๊คอัพหน้านั้นเป็นแบบหัวกลับ (Upside Down) ส่วนทางโช๊คอัพหลังนั้นเป็นแบบ โมโน-โช๊ค ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มนั่นเอง


 Bajaj Pulsar CS400 at Auto Expo 2014

ราคาค่าตัวของ Bajaj Pulsar CS400 นั้นถูกคาดเดาว่าน่าจะอยู่ที่ราวๆ ประมาณ 85,000 บาทถึง 90,000 บาท (สำหรับที่วางขายในประเทศอินเดีย) ก็น่าจะเป็นอีกรุ่นหนึ่งที่น่าจะขายดีกันในท้องถิ่น และมีข่าวออกมาอีกด้วยว่าทางค่ายอาจจะนำโมเดลนี้ไปต่อยอดเป็นรถทรงสปอร์ตกัน อีกด้วย ส่วนการส่งออกไปขายกันในต่างประเทศอย่างบ้านเรานั้น จะต้องรอลุ้นกันต่อไปว่าจะมีบริษัทไหนสนใจรถจากค่ายนี้ ที่ถือว่าเป็นของดีราคาถูกมาทำตลาดในประเทศไทยหรือไม่อย่างไร ในอนาคตนี้ก็ไม่แน่เหมือนกัน อาจจะมีความเป็นไปได้อยู่ ต้องติดตามข่าวกันต่อไป

ขอบคุณภาพจาก indianautosblog.com




ถือว่าเป็นความร่วมมือจากสองยักษ์ใหญ่จากประเทศอิตาลี่ นั่นก็คือ MV Augsta ค่ายผู้ผลิตรถบิ๊กไบค์ชื่อดังและ Pirelli ค่ายผู้ผลิตยางรถมอเตอร์ไซค์ที่เหล่าไบค์เกอร์รู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี กับรถบิ๊กไบค์ในสไตล์ naked roadster รุ่นพิเศษที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Diablo Brutale นั่นเอง


ซึ่งที่มาของชื่อรุ่นนี้ก็มาจาก Diablo ชื่อยางรถรุ่นหนึ่งจากทางค่าย Pirelli และ Brutale รถบิ๊กไบค์ชื่อดังของทางค่าย MV Agusta ที่ในเวอร์ชั่นพิเศษนี้ก็มีการใช้ยางรถลุ่นล่าสุดในตระกูล Diablo อย่าง new Diablo Rosso III รวมไปถึงสีสันในการเพนท์ตัวรถ และชิ้นส่วนบางอย่างซึ่งเข้ากันกับธีมของเจ้า Diablo เป็นอย่างดี


ซึ่งรถในตระกูล Brutale นั้นเป็นผลงานที่กำเนิดมาจาก Massimo Tamburini ดีไซน์เนอร์รถมอเตอร์ไซค์ชื่อดัง (ซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว) และถือว่าเป็นรถจากทางค่าย MV Agusta ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในวงกว้าง ซึ่งโฉมที่เราเห็นกันนี้ก็ต้องนับว่าเป็นโมเดลที่ 8 ในตระกูลนี้กันแล้ว สำหรับรายละเอียดด้านสเปคคร่าวๆ ของตัวรถนั้นจะใช้เครื่องยนต์ขนาด 798cc แบบ 3 สูบเรียง โดยมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า MVICS ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์และตัวรถให้ประสานกลมกลืน กันเป็นหนึ่งเดียวในการขับขี่มากที่สุด ที่น่าสนใจไม่น้อยก็คือในเรื่องของระบบ traction control ที่เราสามารถปรับได้มากถึง 8 ระดับเลยทีเดียว ในส่วนของระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบหัวกลับ หรือว่า upside-down ขนาด 43 mm ที่สามารถปรับระยะยุบตัวคืนตัวได้ และด้านหลังเป็นแบบ singleside-swingarm หรือที่เรานิยมเรียกกันว่าแบบโปร์อาร์ม (อาร์มเดี่ยว) ทำงานร่วมกับแกนโช๊คเดี่ยว และตัวคาลิปเปอร์ด้านหน้าก็เป็นแบบเดียวกันกับรถในสนามแข่งเลย


ซึ่งโมเดล Diablo Brutale ที่เราเห็นกันอยู่นี้เป็นการออกแบบเพื่อยนตกรรมสำหรับอนาคตอย่างแท้จริง โดยการออกแบบไฟหน้าให้เป็น FULL LED, ท่อสั้นแบบ 3 ใบที่ดุดันทั้งประสิทธิภาพและการออกแบบ, ในส่วนของถังน้ำมันนั้นมีการเพิ่มความจุไปจากเดิมถึง 3 ลิตรด้วยกัน และสำหรับในส่วนของเฟรมรถนั้นก็ได้เลือกใช้วัสดุแบบอัลลอยที่มีน้ำหนักเบา เพื่อให้เกิดความคล่องตัวสูงสุดในการขี่ แต่ความแข็งแกร่งทนทานนั้นก็มีอย่างเต็มที่ และถึงแม้ว่ามันจะเป็นรถในแนวสปอร์ต-เนกเกต แต่ว่าทางค่ายก็ได้คำนึงถึงในเรื่องของแอร์โร์ว์-ไดนามิกอย่างเต็มที่ไม่แพ้พวกสปอร์ต-แฟร์ริ่งเลยทีเดียว


หลังจากนี้อีกไม่นานทางค่ายก็จะเปิดตัวเป็นๆ กันอย่างเป็นทางการ และมีโอกาสเหมือนกันที่มันจะเข้ามาเป็นหนึ่งในโมเดลที่วางขายกันในบ้านเราด้วย ก็คงต้องมาลุ้นราคากันต่อไปว่ามันจะออกมาอยู่ที่เท่าไหร่

ขอบคุณภาพจาก gizmag.com

 ภาพ Render จากทาง warungasep.net



มาแล้วกับข่าวที่จะสร้างความตื่นเต้นให้กับเหล่าไบค์เกอร์ได้อย่างแน่นอน เมื่อมีรายงานออกมาว่าทาง Kawasaki นั้นมีความคืบหน้าไปเยอะแล้วกับโมเดลใหม่สำหรับรถแบบเอนทรี่คลาส กับตระกูล Ninja อย่าง All New Ninja 250 คันล่าสุดในค่าย ที่อยู่ในช่วงทดสอบวิ่งกันแล้ว และวันนี้เราจะมาเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญเอามากๆ เกี่ยวกับโมเดลนี้ให้ได้ทราบกัน


โดยนั้นการทดสอบรถโมเดลนี้นั้นเป็นการทดสอบกันในสนามแข่ง (ยังไม่มีภาพหลุดออกมา) โดยนักแข่งของทีมคาวาซากินั่นเอง โดยไม่ใช่แค่คนเดียว แต่เป็นนักแข่งกลุ่มใหญ่เลยทีเดียว เพื่อที่ทางค่ายจะได้รับฟีดแบคหรือผลตอบรับในแง่มุมต่างๆ ของโมเดลนี้ เพื่อนำมาปรับปรุงกันในไฟนอลเวอร์ชั่นต่อไป และต่อจากนี้ไปจะเป็นการอ้างอิงจากสื่อเมืองนอกที่เกาะติดข่าวนี้อย่างใกล้ชิดอย่าง 7leopold7 ได้กล่าวโดยสรุปเกี่ยวกับโมเดล All New Ninja 250 ไว้อย่างน่าสนใจว่า เครื่องยนต์นั้นเป็นแบบ 4 สูบ

เสียงของเครื่องยนต์แบบ 4 สูบนั้นในช่วงเริ่มต้นจะมีเสียงอยู่ในระดับมิดโทน (กลางๆ ) แต่เมื่อรอบขึ้นสูงๆ เสียงเครื่องยนต์จะเปลี่ยนไปแบบทันที โดยจะแผดเสียงขึ้นสูง จนทำให้เลือดและอะดรีนาลีนของผู้ทดสอบนั้นสูบฉีดอย่างมากเลยทีเดียว

แรงบิดในช่วงต้นนั้นค่อนข้างจะมาช้า (ตามสไตล์รถ 4 สูบ กับเครื่องยนต์ 250cc) แต่ดีที่ตัวรถนั้นมีน้ำหนักเบา เลยยังไม่รู้สึกว่าอืดมากเท่าไหร่นัก แต่แรงบิดจะมาเริ่มจัดจ้านเอาในช่วงย่านความเร็วกลางๆ ถึงความเร็วปลาย

ทางค่ายคาวาซากินั้นวางแผนที่จะเปิดตัวโมเดลนี้สู่ท้องตลาดในช่วงปลายปี 2016 หรือไม่ก็ต้นปี 2017 (จะปล่อยให้ CBR250RR ทำตลาดไปก่อนประมาณช่วงหนึ่ง)

โครงรถนั้นเป็นแบบทวินสปาร์ และโช๊คอัพหน้าเป็นแบบ USD (หัวกลับ)
 ราคาของตัวรถนั้นคาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 บาท + –


โดยโมเดลนี้ทางค่ายจะไม่ได้นำมาแทนโมเดลในปัจจุบันแต่อย่างใด เพราะตัวรถนั้นมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในเรื่องของจำนวนสูบ และออพชั่นต่างๆ ดังนั้นแล้วในคลาสเริ่มต้นของตระกูล Ninja จะประกอบไปด้วย Ninja 250 SL (1 สูบ) Ninja 250R (2 สูบ) และ Ninja 250 คันใหม่ (4 สูบ) ที่ยังไม่มีชื่อรุ่นอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะไม่ทับไลน์ของสินค้ากันเองในท้องตลาด นับว่าหมากนี้ของทางค่ายยักษ์เขียวนั้นหลักแหลมมากๆ เลยทีเดียว

ขอบคุณภาพจาก warungasep.net
ขอบคุณข้อมูลจาก 7leopold7.com

Honda CBR650F สุดยอดบิ๊กไบค์สปอร์ตฟูลแฟริ่ง ออกแบบสวยงามตามสไตล์ CBR ที่เน้นรูปร่างดุดันและมีเอกลักษณ์ ด้วยเครื่องยนต์ 649 cc. 4 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ มั่นใจด้วยระบบเบรค ABS

ราคา : 300,000 บาท

Honda CBR650F ถือเป็นหนึ่งในบิ๊กไบค์ตระกูล CBR จากฮอนด้า ที่ถือว่าน่าสนใจอีกรุ่นหนึ่ง ด้วยการออกแบบสไตล์สปอร์ต รูปทรงเร้าใจ จุดเด่นอยู่ที่อัตราเร่งแรง เสียงอันไพเราะของเครื่อง 4 สูบ และราคาที่โดนใจ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าจับจองเป็นเจ้าของ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเร็วและแรงในราคาที่คุ้มค่า

HONDA CBR650F



Honda CBR650F ถือเป็นแฝดคนละฝากับ Honda CB650F ด้วยเครื่องยนต์แบบเดียวกัน และการออกแบบที่คล้ายกัน ต่างกันเพียงแค่รูปทรงที่ CB650F เป็น Naked แต่ CBR650F เป็นแบบ Sport จึงไม่แปลกที่จะมีการเปรียบเทียบกันบ่อยๆ ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล

Honda CBR650F ไฟหน้าแบบดวงเดียว

Honda CBR650F ออกแบบไฟหน้าแบบดวงเดียว ซึ่งแตกต่างจาก CBR รุ่นอื่นๆ แต่ความสว่างไม่แพ้กัน ให้อารมณ์ดุดัน เข้ากับใบหน้าอันเพียวลมได้เป็นอย่างดี

Honda CB6R650F เรือนไมล์ดิจิตอล

Honda CBR650F ออกแบบเรือนไมล์แบบดิจิตอล บอกค่าความเร็วและวัดระดับค่าต่างๆอย่างครบถ้วน แบ่งข้างสองฝั่งสวยงามดูง่าย

Honda CB650F ไฟท้าย

Honda CBR650F ไฟท้ายแบบ LED ส่องสว่างคมชัดเมื่อทำการเบรค และเปิดไฟ เสริมความเท่ห์ให้กับบั้นท้าย

HONDA CBR650F

Honda CBR650F สเปกและข้อมูลทางเทคนิค

  • เครื่องยนต์  4 จังหวะ 4 สูบ 16 วาล์ว  DOHC
  • ขนาด 649 ซีซี
  • เกียร์ 6 ระดับ
  • ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ
  • ระบบจ่ายเชื้อเพลิง  หัวฉีด PGM-Fi
  • ความจุเชื้อเพลิง  17.3 ลิตร
  • ขนาด (กว้างxยาวxสูง)  2,110 x 755 x 1,145 มม.
  • ระบบกันสะเทือน-หน้า เทเลสโคปิค 41 มม.
  • ระบบกันสะเทือน-หลัง โมโนโช้ค
  • ระบบเบรค หน้า ดิสก์เบรก แบบลูกสูบคู่ 320 มม.
  • ระบบเบรค หลัง  ดิสก์เบรก แบบลูกสูบเดี่ยว 240 มม.
  • ขนาดยาง หน้า 120/70 ZR17 M/C 58W
  • ขนาดยาง หลัง 180/60 ZR17 M/C 73W
  • น้ำหนัก  211 กิโลกรัม

ตารางผ่อนดาวน์ Honda CBR650F

สำหรับคนที่ต้องการเป็นเจ้าของ Honda CBR650F และต้องการผ่อนชำระสามารถเปรียบเทียบได้จากตารางผ่อนชำระด้านล่างนี้
 
ตารางผ่อน Honda CBR650F

  • ตารางนี้ยังไม่รวมประกัน ค่าทะเบียนและอื่นๆ
  • ตารางนี้เป็นเพียงแค่แนวทางในการผ่อนและดาวน์เท่านั้นไม่ใช่โปรโมชั่นหรือยอดที่ต้องผ่อนจริง กรุณาติดต่อสอบถามจากทางศูนย์
  • คำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 5.5% ต่อปี ซึ่งจะแตกต่างกันแล้วแต่บริษัทสินเชื่อ อัตราที่แท้จริงควรสอบถามจากทางบริษัท

Honda CBR650F วางจำหน่ายด้วยสองสี คือ สีดำ และสีแดง

Honda CB650F สีดำ

Honda CBR650F สีแดง

Honda CB500F บิ๊กไบค์ขนาดกลางจากค่าย Honda ออกแบบสไตล์ Naked ขับขี่คล่องตัว แรงซะใจได้วยเครื่องยนต์ขนาด 471 cc 2 สูบ 4 จังหวะ ระบบวาล์ว DOHC หัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ ราคาโดนใจ

ราคา : 205,000 บาท

 Honda CB500F



Honda CB500F หนึ่งใน 500 Series จาก Honda ออกแบบสไตล์ Naked เน้นความคล่องตัวในการใช้งาน พร้อมความแรงที่ไม่แพ้ใคร ซึ่งใน 500 Series นั้นนอกจาก Honda CB500F แล้วยังมีพี่น้องอีก 2 รุ่นได้แก่ Honda CBR500R และ Honda CB500X ที่ความแรงไม่ได้น้อยหน้ากัน แต่ออกแบบโครงสร้างให้เหมาะกับจุดประสงค์การใช้งาน ซึ่งเจ้า Honda CB500F นั้นเหมาะกับการขับขี่ที่ต้องการความคล่องตัว ความอิสระ และความแรงที่เหมาะสมกับราคา ถือเป็นอีกรุ่นหนึ่งที่คนรักบิ๊กไบค์ให้ความสนใจ

Honda CB500F หน้าจอแบบดิจิตอล

เช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆใน Series 500 ที่ Honda ออกแบบหน้าจอและมาตรวัดให้กับ CB500F เป็นแบบดิจิตอล LED มีมาตรวัดต่างๆครบครัน ทั้งมาตรวัดความเร็ว อัตรารอบเครื่องยนต์ อัตราเชื้อเพลิงคงเหลือ นาฬิกา ระยะทาง ฯลฯ หน้าจออกแบบให้ใช้งานได้อย่างสวยงาม

 Honda CB500F ไฟหน้าส่องสว่าง

Honda CB500F ออกแบบไฟหน้าส่องสว่างในเวลาค่ำคืน ด้วยไฟกลมโตเป็นเอกลักษณ์ พร้อมไฟเลี้ยวด้านข้าง สามารถให้สัญญาณมองเห็นได้ชัดเจน

Honda CB500F เครื่องยนต์ 471 cc 2 สูบ

ด้านเครื่องยนต์นั้นสำหรับ Honda CB500F จะใช้เครื่องยนต์เดียวกับรุ่นอื่นๆใน 500 Series คือเครื่องยนต์ขนาด 471 cc 2 สูบ 4 จังหวะ ระบบวาล์ว DOHC หัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ

Honda CB500F เบาะนั่ง 2 ชิ้นแยกส่วน

Honda CB500F มีเบาะนั่งแบบ 2 ชิ้นแยกส่วนขนาดใหญ่ รองรับสรีระของผู้ขับขี่ พร้อมทั้งคนซ้อนท้ายได้อย่างสบายๆ วัสดุนุ่มทนทาน คนซ้อนท้ายไม่ลำบากเวลาซ้อน

Honda CB500F บั้นท้ายสวยงาม

ข้อมูลทางเทคนิค Honda CB500F
  • เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 2 สูบ DOHC 8 วาล์ว
  • ขนาด 471 cc.
  • เกียร์  6 สปีด
  • ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ
  • ระบบจ่ายเชื้อเพลิง  หัวฉีด PGM-FI
  • ความจุเชื้อเพลิง 15.5 ลิตร
  • ขนาด (กว้างxยาวxสูง) 781 x 2,082 x 1,054 มม.
  • ระบบกันสะเทือน-หน้า  เทเลสโคปิค 41 มม.
  • ระบบกันสะเทือน-หลัง  Pro-Link
  • ระบบเบรค หน้า  ดิสก์เบรก แบบลูกสูบคู่ 320 มม.ABS
  • ระบบเบรค หลัง ดิสก์เบรก แบบลูกสูบเดี่ยว 240 มม.ABS
  • ขนาดยาง หน้า 120/70 ZR17 M/C 58W
  • ขนาดยาง หลัง 160/60 ZR17 M/C 60W
  • น้ำหนัก 193 กิโลกรัม

ตารางผ่อนดาวน์ Honda CB500F

ตารางผ่อนดาวน์ Honda CB500F

  • ตารางนี้ยังไม่รวมประกัน ค่าทะเบียนและอื่นๆ
  • ตารางนี้เป็นเพียงแค่แนวทางในการผ่อนและดาวน์เท่านั้นไม่ใช่โปรโมชั่นหรือยอดที่ต้องผ่อนจริง กรุณาติดต่อสอบถามจากทางศูนย์
  • คำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 6.5% ต่อปีที่ดาวน์ 15% และ 6.0% ที่ดาวน์สูงขึ้นไป ซึ่งจะแตกต่างกันแล้วแต่บริษัทสินเชื่อ อัตราที่แท้จริงควรสอบถามจากทางบริษัท

Honda CB500F วางจำหน่ายด้วย 3 สี ได้แก่ สีขาว สีดำ และ สีแดง

Honda CB500F สีขาว

Honda CB500F สีดำ

 Honda CB500F สีแดง

Yamaha MT-07 มอเตอร์ไซค์สไตล์ Sport Naked จากค่าย Yamaha ที่ได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ ออกแบบเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 689 cc 2 สูบเรียง 8 วาล์ว DOHC 4 จังหวะ ระบบเกียร์ 6 สปีด ขุมพลัง 75 แรงม้าที่ 9,000 รอบต่อนาที พร้อมมั่นใจด้วยระบบเบรค ABS

ราคา : 299,000 บาท

Yamaha MT-07



Yamaha MT-07 สุดยอด Sport Naked จาก Yamaha ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดุดัน แฝงไปด้วยความแรงจากขุมพลังเครื่องยนต์ 689 cc 2 สูบเรียง 75 แรงม้าที่ 9,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 68 นิวตั้นเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที ตอบสนองฉับไวต่อการบิดคันเร่ง น้ำหนักรวมเชื้อเพลิงเบาเพียง 182 กิโลกรัม แถมระบบเบรค ABS คุ้มค่าคุ้มราคาในพิกัดไม่เกิน 3 แสนบาท

 Yamaha MT-07 เรือนไมค์

Yamaha MT-07 ออกแบบหน้าปัดเรือนไมค์มาแบบดิจิตอล LED สวยงามตามสไตล์ Yamaha ภายในระบบค่าต่างๆมาแบบครบถ้วน เช่น มาตรวัดความเร็ว อัตราคงเหลือเชื้อเพลิง มาตรวัดรอบเครื่องยนต์ นาฬิกา ทริป A,B เป็นต้น ตำแหน่งจัดวางถือว่าใช้งานง่าย สะดวกต่อผู้ขับขี่

Yamaha FT-07 ไฟหน้า

Yamaha MT-07 ไฟหน้าแบบเดี่ยวส่องสว่างพร้อมไฟเลี้ยว LED พร้อมตัวถังแข็งแรง เสริมด้านหน้าให้ดูดุดัน สามารถติดแฟริ่งเพิ่มได้

Yamaha MT-07 ล้อและระบบกันสะเทือน

Yamaha MT-07 มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนล้อหน้าแบบเทเลสโคปิค ปรับได้ขนาด 41 mm Inverted fork ล้อหลังแบบสวิงอาร์มปรับระดับ link Monocross ยางล้อหน้าขนาด 120/70 ZR17 M/C 58W ยางล้อหลังขนาด 180/55 ZR17 M/C 73W

Yamaha FT-07 บั้นท้ายแหลมไฟเบรค LED

Yamaha MT-07 ออกแบบบั้นท้ายทรงแหลมโฉบเฉี่ยวสวยงาม พร้อมเบาะซ้อนท้ายแบบแยกส่วนสองระดับ และไฟท้ายแบบ LED สวยงาม


ข้อมูลทางเทคนิค Yamaha MT-07

  • เครื่องยนต์  4 จังหวะ 2 สูบเรียง DOHC 8 วาล์ว
  • ขนาด  689 cc.
  • เกียร์  6 สปีด
  • ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ
  • ระบบจ่ายเชื้อเพลิง  หัวฉีด
  • ความจุเชื้อเพลิง  13 ลิตร
  • ขนาด (กว้างxยาวxสูง) 745 x 2,085 x 1,090 มม.
  • ระบบกันสะเทือน-หน้า  เทเลสโคปิค Adjustable 41 มม. Inverted fork
  • ระบบกันสะเทือน-หลัง สวิงอาร์ม Adjustable link Monocross
  • ระบบเบรค หน้า  ดิสก์เบรก แบบลูกสูบคู่ 282 มม.ABS
  • ระบบเบรค หลัง  ดิสก์เบรก แบบลูกสูบเดี่ยว 245 มม.ABS
  • ขนาดยาง หน้า  120/70 ZR17 M/C 58W
  • ขนาดยาง หลัง  180/55 ZR17 M/C 73W
  • น้ำหนัก     179 กิโลกรัม

ตารางผ่อนดาวน์ Yamaha MT-07

ตารางผ่อนดาวน์ Yamaha MT-07

  • ตารางนี้ยังไม่รวมประกัน ค่าทะเบียนและอื่นๆ
  • ตารางนี้เป็นเพียงแค่แนวทางในการผ่อนและดาวน์เท่านั้นไม่ใช่โปรโมชั่นหรือยอดที่ต้องผ่อนจริง กรุณาติดต่อสอบถามจากทางศูนย์
  • คำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 4.0% ต่อปีที่ดาวน์ 15% และ 3.75% ที่ดาวน์สูงขึ้นไป ซึ่งจะแตกต่างกันแล้วแต่บริษัทสินเชื่อ อัตราที่แท้จริงควรสอบถามจากทางบริษัท

Yamaha MT-07 วางจำหน่ายด้วย 3 สี ได้แก่ สีเหลือง สีดำ และสีเทา

Yamaha FT-07 สีเหลือง

Yamaha FT-07 สีดำ

Yamaha FT-07 สีเทา